วิธีการเล่นโป๊กเกอร์
วิธีเล่น Poker – ไม่ยากอย่างที่คิด!
การเล่น โป๊กเกอร์ (Poker) นั้นไม่ซับซ้อนอย่างที่หลายคนกังวล โดยเฉพาะหากคุณเคยเล่นเกมไพ่ Texas Hold’em บนมือถือมาก่อนแล้ว รูปแบบการเล่นจะคล้ายกันอย่างมาก ซึ่งถือเป็นกติกาสากลที่นิยมใช้กันทั่วโลก
ภายในเกม Poker ออนไลน์ ส่วนใหญ่จะมี ระบบสอนเล่นเบื้องต้น ช่วยให้มือใหม่เข้าใจง่ายขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่าตื่นเต้นและแตกต่างจากเกมไพ่อื่น ๆ คือ...
🧠 "จิตวิทยา" คือหัวใจของโป๊กเกอร์
นอกจากกติกาการเล่นแล้ว สิ่งสำคัญในการเล่น Poker คือ จิตวิทยาและการอ่านเกม
เพราะคุณไม่มีทางรู้ได้เลยว่าไพ่ในมือของคู่แข่งคืออะไร การตัดสินใจว่าจะ หมอบ (Fold), ตาม (Call), หรือเกทับ (Raise) จึงต้องอาศัยทั้งการวิเคราะห์สถานการณ์ การควบคุมอารมณ์ และการแสดงออกเพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามไขว้เขว
🎯 สรุปวิธีเล่น Poker เบื้องต้น:
-
แจกไพ่ 2 ใบ ให้ผู้เล่นแต่ละคน
-
เปิดไพ่กองกลาง 5 ใบ (Flop, Turn, River)
-
ผู้เล่นผลัดกันตัดสินใจว่าจะสู้ต่อหรือไม่
-
ผู้ที่มี ไพ่ดีที่สุด หรือ Bluff ได้สำเร็จ จะเป็นผู้ชนะในตานั้น

กติกา Poker และศัพท์เบื้องต้น
ความหมายของตำแหน่งสำคัญในเกม Poker
ในการเล่น Poker โดยเฉพาะรูปแบบ Texas Hold’em จะมีตำแหน่งผู้เล่นที่สำคัญ 3 ตำแหน่งหลัก ซึ่งจะหมุนเวียนไปตามรอบของเกมในแต่ละตา เพื่อให้เกิดความยุติธรรม และสร้างจังหวะการเดิมพันที่หลากหลาย
🔹 Dealer (ดีลเลอร์)
-
เป็นตำแหน่ง "เจ้ามือ" หรือผู้แจกไพ่
-
หากไม่มีดีลเลอร์จริง คนที่อยู่ตำแหน่งนี้จะต้องเป็นผู้แจกไพ่
-
ได้เล่นเป็นคนสุดท้าย ในรอบการเกที่เกิดขึ้นหลังจากแจกไพ่ครบ ซึ่งถือว่าได้เปรียบเพราะสามารถดูการตัดสินใจของคนอื่นก่อน
-
🔹 Small Blind (สมอลบลายด์)
-
คือตำแหน่งทางซ้ายของ Dealer
-
ต้องวางเดิมพันบังคับครึ่งหนึ่งของ Big Blind ก่อนแจกไพ่
-
เป็นตำแหน่งที่เสียเปรียบเล็กน้อย เพราะต้องลงเงินก่อนเห็นไพ่
-
🔹 Big Blind (บิ๊กบลายด์)
-
อยู่ถัดจาก Small Blind ทางซ้าย
-
ต้องวางเดิมพันเต็มจำนวนบลายด์ ก่อนแจกไพ่
-
เริ่มต้นรอบแรกโดยไม่เห็นไพ่ แต่ได้เล่นเป็นคนสุดท้ายในรอบแรกของการเก
ขั้นตอนพื้นฐานของการเล่น Poker (Texas Hold’em)
- เริ่มเกมด้วยการแจกไพ่ (Hole Cards)
-
Dealer จะแจกไพ่ให้ผู้เล่นคนละ 2 ใบ โดยหงายหน้าไม่ได้
-
ไพ่ในมือนี้จะใช้ผสมกับไพ่กองกลางภายหลัง
-
-
เริ่มรอบเดิมพันแรก
-
เริ่มจากผู้เล่นที่อยู่ทางซ้ายของตำแหน่ง Big Blind
-
ผู้เล่นสามารถเลือกหมอบ (Fold), ตาม (Call), หรือเกทับ (Raise)
-
-
เปิดไพ่กองกลาง 3 ใบแรก (Flop)
-
ผู้เล่นใช้ผสมกับไพ่ในมือเพื่อเริ่มประเมินว่ามีโอกาสได้ไพ่ชุดไหน
-
-
ไพ่ 3 ใบนี้เปิดหงายบนโต๊ะกลาง
-
ตามด้วยรอบเดิมพันที่สอง
-
เริ่มจากผู้เล่นทางซ้ายของปุ่ม Dealer
-
-
เปิดไพ่ใบที่ 4 (Turn) → เดิมพันรอบถัดไป
-
เปิดไพ่ใบที่ 5 (River) → เดิมพันรอบสุดท้าย
-
เปิดไพ่ (Showdown) เพื่อหาผู้ชนะจากไพ่ที่ดีที่สุด

การเล่นหลัง Flop – อ่านเกมให้ขาด วางเดิมพันให้แม่น
เมื่อเข้าสู่ รอบ Flop ซึ่งเป็นการเปิดไพ่กองกลาง 3 ใบแรกบนโต๊ะ ผู้เล่นที่ยังอยู่ในเกม (ยังไม่หมอบ) จะต้องเริ่มตัดสินใจว่าจะเล่นต่ออย่างไร โดยการเล่นจะเริ่มจาก ผู้เล่นที่อยู่ทางซ้ายของปุ่ม Dealer มากที่สุดก่อน
ในรอบนี้ ผู้เล่นมีทางเลือกดังนี้:
🔹 Check
คือการ "ผ่าน" โดยไม่เพิ่มเงินเดิมพัน และส่งสิทธิ์ในการเล่นให้ผู้เล่นคนถัดไป
(สามารถทำได้ก็ต่อเมื่อยังไม่มีใครวางเดิมพันในรอบนั้น)
🔹 Bet
คือการวางเงินเดิมพันใหม่ หากเป็นคนแรกที่วางเดิมพันในรอบนั้น จะเรียกว่า เปิดเดิมพัน (bet)
เมื่อมีผู้เล่น bet แล้ว ผู้เล่นที่เหลือจะมี 3 ทางเลือก
หากมีผู้เล่น Bet แล้ว ผู้เล่นที่เหลือสามารถเลือก
✅ Call
วางเงินเดิมพันให้เท่ากับผู้ที่ bet เพื่อเล่นต่อในตานั้น
🔼 Raise
เพิ่มเงินเดิมพันให้มากกว่าผู้ที่ bet คนก่อนหน้า หากต้องการเล่นต่อ ผู้เล่นคนอื่นจะต้อง Call หรือ Raise ตาม
❌ Fold
หมอบไพ่ทันที และยอมแพ้ในตานั้น ไม่ต้องจ่ายเพิ่ม แต่ก็หมดสิทธิ์ชนะเงินกองกลาง
💡 หมายเหตุ: การตัดสินใจในรอบหลัง Flop ถือเป็นช่วงสำคัญ เพราะตอนนี้ผู้เล่นเริ่มเห็นแนวโน้มของไพ่บนโต๊ะ และสามารถประเมินความแข็งแกร่งของมือไพ่ตัวเองได้ชัดเจนขึ้น
การเล่นอย่างมีวินัย ใช้จิตวิทยา และอ่านเกมจากการกระทำของผู้เล่นคนอื่น จะช่วยเพิ่มโอกาสชนะได้มากขึ้นในระยะยาว
🃏 ลำดับไพ่โป๊กเกอร์ (จากสูงสุดถึงต่ำสุด)

♠️ รอยัลฟลัช (Royal Flush) – ไพ่ที่ใหญ่ที่สุดในเกมโป๊กเกอร์ รอยัลฟลัช หรือชื่อเต็มว่า รอยัลสเตรทฟลัช (Royal Straight Flush) คือไพ่ที่มี แต้มสูงสุด และ หายากที่สุด ในเกมโป๊กเกอร์ 🔹 ประกอบด้วยไพ่ 5 ใบที่เรียงกันดังนี้: 10 – J – Q – K – A และต้อง มีดอกเดียวกันทั้งหมด ตัวอย่าง: 10♠ J♠ Q♠ K♠ A♠ → Royal Flush โพธิ์ดำ (ใหญ่ที่สุด)

🔶 สเตรทฟลัช (Straight Flush) – ไพ่เรียงดอกเดียวกันสเตรทฟลัช (Straight Flush) คือไพ่ 5 ใบที่มี แต้มเรียงลำดับต่อเนื่องกัน และต้อง มีดอกเดียวกันทั้งหมด
✅ ข้อควรรู้
-
หาก มีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งคนได้ สเตรทฟลัช ให้ดูว่าใครมี แต้มสูงสุด เป็นผู้ชนะ

🃏 โฟร์การ์ด (Four of a Kind) – ไพ่ 4 ใบแต้มเดียวกัน โฟร์การ์ด (Four of a Kind) คือไพ่ที่มี แต้มเดียวกัน 4 ใบ

🏠 ฟูลเฮ้าส์ (Full House) – ตอง + คู่ ฟูลเฮ้าส์ (Full House) คือไพ่ที่ประกอบด้วย: ไพ่ 3 ใบแต้มเดียวกัน (ตอง) ไพ่ 2 ใบแต้มเดียวกันอีกชุด (คู่)

♣️ ฟลัช (Flush) – ไพ่ดอกเดียวกัน 5 ใบ ฟลัช (Flush) คือไพ่ 5 ใบที่ มีดอกเดียวกันทั้งหมด โดยไม่จำเป็นต้องเรียงแต้ม

🔹 สเตรท (Straight) – สเตรท (Straight)
ไพ่เรียงกัน โดยเริ่มเรียงตั้งแต่ A , 2 , 3 , 4 , 5 ต่ำสุด
ส่วนสูงสุดคือ 10 , J , Q , K , A
ถ้าเรียงเหมือนกันให้ดูแต้มสูงสุดที่ถือ ถ้าเหมือนกัน อีก ดูดอก

🔸 ตอง (Three of a Kind) – ไพ่ 3 ใบที่มีแต้มเหมือนกัน ตอง (Three of a Kind) คือไพ่ 3 ใบที่มีแต้มเดียวกัน และไพ่อีก 2 ใบที่เหลือไม่เหมือนกัน

♠️ 2 คู่ (Two Pair) – ไพ่คู่แต้มเดียวกัน 2 ชุดTwo Pair คือการที่ผู้เล่นมีไพ่ที่มีแต้มเหมือนกัน 2 คู่ และไพ่ใบที่ 5 เป็น ไพ่เสริม (Kicker)

♦️ 1 คู่ (One Pair) – ไพ่แต้มเดียวกัน 2 ใบ One Pair คือไพ่ที่มี แต้มเหมือนกัน 2 ใบ ส่วนอีก 3 ใบที่เหลือจะเป็น Kicker เพื่อช่วยตัดสินผลแพ้ชนะ

🟥 ไพ่สูง (High Card) – เมื่อไม่มีชุดไพ่ตรงเงื่อนไขใด ๆHigh Card คือไพ่ในมือที่ ไม่เข้าเงื่อนไขชุดไพ่โป๊กเกอร์ใดเลย เช่น ไม่มีคู่, ไม่เรียง, ไม่ดอกเดียวกัน ฯลฯในกรณีนี้จะตัดสินกั นที่ ไพ่ที่มีแต้มสูงสุด
สำหรับมือใหม่ที่สนใจจะเริ่มเล่น Poker สิ่งสำคัญอันดับแรกคือการทำความเข้าใจ วิธีเล่นโป๊กเกอร์ และ ลำดับไพ่สูง-ต่ำ ให้ชัดเจน เพราะถ้าไม่เข้าใจ อาจทำให้เสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์ได้ในเกมโป๊กเกอร์ การรู้จักไพ่เป็นเรื่องจำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเข้าใจเกมและสถานการณ์ต่าง ๆ ในโต๊ะอย่ามั่นใจเกินไปแม้ไพ่ในมือจะดูดี เพราะโอกาสที่ฝ่ายตรงข้ามจะมีไพ่ที่ดีกว่าก็มีอยู่เสมอเกมนี้ยังต้องอาศัยหลักจิตวิทยาอย่างมาก
ทั้งหมดนี้เกิดจากการเรียนรู้และประสบการณ์
ผู้เล่นเก่ง ๆ ทุกคนก็เริ่มต้นจากการเป็นมือใหม่ และผ่านการฝึกฝนมาแล้ว
ดังนั้น การเล่น Poker ของคุณในแต่ละตาจะเป็นบทเรียนสำคัญที่ช่วยพัฒนาฝีมือและสร้างประสบการณ์ให้กับคุณในระยะยาว